แถลงการณ์ ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ฉบับที่ ๔
ในฐานะรัฐภาคีของอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้ สะสม ผลิตและโอน และทุ่นระเบิดสังหารบุคคล และการทำลายทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (อนุสัญญาออตตาวา) ตั้งแต่วันที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ ประเทศไทยยังคง ยึดมั่นในหลักมนุษยธรรมและความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญมาโดยตลอด โดยกองบัญชาการกองทัพไทย มอบหมายให้ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ศูนย์บัญชาการทางทหาร เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินภารกิจ เก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมภายในพื้นที่อธิปไตยของประเทศอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๓
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ได้จัดสรรกำลังพลและทรัพยากร ตามแผนปฏิบัติการประจำปี โดยมีเป้าหมายเพื่อลดและขจัดภัยคุกคามจากทุ่นระเบิด โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ตลอดจนสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมชายแดนอย่างยั่งยืน จนถึงปัจจุบัน ประเทศไทยสามารถเก็บกู้พื้นที่ปนเปื้อนทุ่นระเบิด และปลดปล่อยให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยได้แล้วร้อยละ ๙๙ (พื้นที่ปนเปื้อนทุ่นระเบิด ๒,๕๕๖.๗ ตารางกิโลเมตร ครอบคลุม ๒๗ จังหวัด ปัจจุบันคงเหลือ ๑๓ ตารางกิโลเมตร ในพื้นที่ ๖ จังหวัด)
อย่างไรก็ตาม ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ มีความวิตกกังวลอย่างยิ่งต่อพฤติการณ์ของกัมพูชา ซึ่งแม้จะเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาฯ เช่นเดียวกัน กลับมีพฤติกรรมที่ขัดแย้งกับพันธกรณีตามอนุสัญญา โดยเฉพาะการขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมอย่างต่อเนื่อง โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ (ธันวาคม ๒๕๖๗ - มิถุนายน ๒๕๖๘) ได้เกิดเหตุการณ์ที่ฝ่ายกัมพูชาใช้กำลัง คุกคาม ข่มขู่ และขัดขวางการปฏิบัติงานของชุดปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดของไทยในพื้นที่อธิปไตยของประเทศ รวมทั้งสิ้น ๑๖ ครั้ง ได้แก่ ในจังหวัดสระแก้ว จำนวน ๘ ครั้ง, จังหวัดศรีสะเกษ จำนวน ๔ ครั้ง, จังหวัดตราด จำนวน ๒ ครั้ง และจังหวัดสุรินทร์ จำนวน ๒ ครั้ง อันเป็นที่ประจักษ์จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามเอกสารที่แนบท้าย แถลงการณ์ฉบับนี้ พฤติการณ์ดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อความพยายามของไทยในการบรรลุเป้าหมายของอนุสัญญาฯ อันเป็นเป้าหมายร่วมของประชาคมโลกในการขจัดภัยจากทุ่นระเบิดอย่างแท้จริง
การกระทำของกัมพูชานั้น ไม่เพียงสะท้อนถึงความไม่จริงใจต่อพันธกรณีระหว่างประเทศ หากยังขัดต่อ เจตนารมณ์ของความร่วมมือระหว่างรัฐภาคีในการปกป้องชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นอนาคตของสังคมโลก
ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ขอเรียกร้องให้กัมพูชาทบทวนพฤติกรรมดังกล่าว และกลับมาดำเนินการตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาออตตาวาอย่างจริงจัง เพื่อสร้างความไว้วางใจระหว่างรัฐภาคี และส่งเสริมเสถียรภาพในภูมิภาคโดยรวม
ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยขอเชิญชวนรัฐภาคีของอนุสัญญาฯ ทุกประเทศ ร่วมกันแสดงจุดยืนที่ชัดเจน ต่อการกระทำที่ขัดต่อเจตนารมณ์ของอนุสัญญาฯ และสนับสนุนความพยายามของประเทศไทยในการดำเนินภารกิจเพื่อมนุษยธรรมอย่างต่อเนื่อง
ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ขอยืนยันอีกครั้งถึงเจตจำนงอันแน่วแน่ในการดำเนินงานด้านทุ่นระเบิด เพื่อมนุษยธรรม และพร้อมร่วมมือกับประชาคมระหว่างประเทศในการส่งเสริมความปลอดภัย และคุณค่าความเป็น มนุษย์ในทุกภูมิภาคของโลก